มีหลายคนมักจะสงสัยว่ามีอะไรที่อยู่เบื้องหลังความน่าสนใจเกี่ยวกับของเหลวใสๆ ที่มีความหอมหลากหลายโดยบรรจุอยู่ภายในขวดแก้วรูปทรงต่างๆ ที่นักเคมีและนักปรุงน้ำหอมต่างพากันหาสูตรและคิดค้นเพื่อให้ได้กลิ่นหอมๆ หลากหลายกลิ่นตามที่ต้องการ
ความสำคัญของการเพิ่มกลิ่นหอม
ซึ่งความหอมของกลิ่นจะประกอบไปด้วยโมเลกุลที่กระตุ้นการรับกลิ่นผ่านตัวรับภายในจมูก แม้แต่กลิ่นหอมๆ ของน้ำหอมก็เช่นกัน เพราะน้ำหอมบางชนิดสังเคราะห์มาจากวัสดุทางธรรมชาติ แต่บางชนิดมีการสังเคราะห์ขึ้นจากสารตั้งต้นในห้องปฏิบัติการ ซึ่งสารที่ให้กลิ่นหอมที่ถูกนำมาใช้สำหรับทำน้ำหอมยังสามารถนำไปใช้กับผิวหนัง เสื้อผ้า หรือแม้กระทั่งใช้เป็นส่วนผสมในน้ำยาทำความสะอาด และเครื่องสำอาง รวมไปถึงสเปรย์ปรับอากาศ ซึ่งเมื่อกลิ่นหอมอยู่ในสิ่งต่างๆ จะมีความหอมที่แตกต่างกันออกไปด้วย เพราะความแตกต่างของอุณหภูมิ กลิ่นตัว รวมทั้งเคมีในร่างกายของแต่ละบุคคล ทำให้น้ำหอมที่อยู่ในผลิตภัณฑ์ให้กลิ่นเฉพาะตัวมีความแตกต่างกันออกไป
น้ำหอม Hypnosis Eau de Parfum ให้กลิ่นที่หอมตรึงใจเป็นพิเศษ หอมสดชื่นกลิ่นลาเวนเดอร์ ซึ่งเป็นน้ำหอมสำหรับคุณผู้ชายที่ให้กลิ่นหอม และความสดชื่นกลิ่นลาเวนเดอร์ผสานอำพัน ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของการพิถีพิถันคัดสรรวัตถุดิบ ซึ่งหัวใจสำคัญของน้ำหอม ดอกลาเวนเดอร์จากโพรวองซ์ เป็นหนึ่งในกลิ่นหอมที่หอมที่สุด เพราะเป็นดอกไม้แห่งคุณภาพที่ให้กลิ่นที่หอมตรึงใจเป็นพิเศษและยังหาสัมผัสได้ยากยิ่ง เพราะจะให้ความรู้สึกทั้งสดชื่น จัดจ้าน และเย้ายวนอย่างเป็นธรรมชาติในเวลาเดียวกัน น้ำหอม Lovely Eau de Parfum เป็นน้ำหอมที่ถูกออกแบบโดยแนวคิดของไอดู น้ำหอมที่ให้กลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ สวยงามและเซ็กซี่อย่างมีรสนิยม น้ำหอมที่ให้ความรู้สึกที่พาเราย้อนกลับไปยังความคลาสสิกในยุค 90’s ความอมตะของแฟชั่น โดดเด่น มีเอกลักษณ์ โดยที่ไม่ซ้ำใคร ความทันสมัยที่ควบคู่ไปกับความอมตะ ที่หรูหราอย่าง มีรสนิยม และหอมหวานด้วยกลิ่นผลไม้อันสดชื่น เย้ายวน อย่างมีเสน่ห์และเอกลักษณ์ น้ำหอม Irresistible Eau de Parfum เป็นกลิ่นหอมที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับผู้หญิงเก๋ๆ ที่จะทำให้คนรอบข้างเต็มไปด้วยความสุขตลอดเวลา ด้วยแนวกลิ่นหวาน สดชื่นหรูหรา ทำให้คุณกลายเป็นสาวหวาน น่ารัก และน่าอยู่ใกล้ๆ
การรับรู้กลิ่นความหอม
เพราะน้ำหอมเป็นสารละลายที่มีส่วนผสมของน้ำมันหอมระเหยโดยจะมีสารประกอบที่ทำให้มีกลิ่นหอมๆ ออกมา ยังมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ และน้ำ โดยกลิ่นจะต้องเป็นโมเลกุลขนาดเล็กที่เบาพอที่จะลอยอยู่ในอากาศได้ เซลล์ที่มีความสำคัญในการรับรู้กลิ่นคือ เซลล์ประสาทรับกลิ่นที่อยู่ภายในจมูก และเมื่ออากาศไหลผ่านจมูก โมเลกุลของกลิ่นจะกระทบเข้ากับเซลล์ประสาทรับกลิ่นที่แทรกอยู่ในเยื่อบุผิวบริเวณโพรงจมูกด้านบน โดยเซลล์ประสาทรับกลิ่นนั้นจะมีเซลล์ประสาทรับกลิ่นที่มีลักษณะเป็นขน ซึ่งคอยจับกับโมเลกุลของกลิ่นที่ผ่านเข้ามาทางรูจมูกเมื่อมีการจับกันระหว่างโมเลกุลของกลิ่นและเซลล์ขน จะทำให้เกิดการกระตุ้นการเปลี่ยนแปลงความต่างศักย์ไฟฟ้าขึ้นภายในเซลล์ประสาทรับกลิ่น เพื่อส่งต่อกระแสประสาทไปยังสมองให้แปลผลของกลิ่นที่ได้รับ
ระดับความหอมของกลิ่น
น้ำหอมถูกออกแบบมาเพื่อให้มีระดับกลิ่น 3 ส่วน โดยในแต่ละส่วนจะค่อยๆ มีการแสดงกลิ่นออกมาในเวลาที่แตกต่างกัน ซึ่งเป็นกลิ่นที่ผสมผสานกันว่า “note” เป็นการรวมกันของกลิ่นอย่างลงตัวและนำไปสู่ความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยผู้ใช้จะได้กลิ่นของกลิ่นแรกหรือ Top notes ในช่วง 15 นาทีแรกหลังจากการฉีดน้ำหอม ซึ่งโมเลกุลของกลิ่นในส่วนนี้จะค่อยๆ ระเหยและจางหายไปอย่างรวดเร็ว ทำให้นักออกแบบน้ำหอมมักใช้กลิ่นหอมที่โดดเด่นเพื่อดึงดูดความสนใจจากผู้ใช้ แล้วกลิ่นกลาง Heart notes จะค่อยๆ ถูกปล่อยออกมาและอยู่ได้นานประมาณ 3-4 ชั่วโมง โดยกลิ่นในส่วนนี้จะเป็นกลิ่นความหอมของน้ำหอมหลัก ที่ทำให้ผู้ได้รับกลิ่นสามารถจดจำกลิ่นได้ ในส่วนสุดท้ายคือ Base notes ที่ถือเป็นกลิ่นที่ช่วยสนับสนุนกลิ่นของน้ำหอมทั้งหมด โดยมีสารประกอบของโมเลกุลที่ระเหยได้ช้าทำให้กลิ่นของน้ำหอมอยู่ได้ตลอดทั้งวันนั่นเอง