กลิ่นน้ำลอยดอกกุหลาบ
กลิ่นน้ำลอยดอกกุหลาบ อาจจะไม่ค่อยคุ้นกันสักเท่าไหร่ แต่หากใครได้ใช้แล้วรับรองว่าจะให้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกกุหลายมากมายเลยทีเดียว ด้วยวิธีง่ายๆ ให้เด็ดกลีบกุหลาบมอญใส่ลงในน้ำ แต่หากต้องการความปลอดภัย ดอกกุหลาบมอญและดอกมะลิควรจะต้องปลูกเอง เพราะจะได้ไม่มีสารจากยาฆ่าแมลง (ส่วนวิธีทำก็ให้ใช้วิธีเดียวกับน้ำลอยดอกมะลิ)
กลิ่นน้ำลอยดอกมะลิ
วิธีทำน้ำลอยดอกมะลิ ไม่ใช่เรื่องที่ยากจนเกินไป เพราะแค่เด็ดดอกมะลิแต่เช้าตรู่ช่วงน้ำค้างกำลังลง จากนั้นนำมาล้างน้ำแล้วห่อด้วย ใบตองให้เก็บไว้ในที่เย็น ๆ พอถึงช่วงประมาณ 6 โมงเย็น ตวงน้ำต้มสุกที่เย็นแล้วใส่ภาชนะที่มีฝาปิด จากนั้นค่อยๆ เด็ดกลีบเลี้ยงออก แล้วใส่ดอกมะลิให้ก้านจุ่มอยู่ในน้ำ จะทำให้ดอกมะลิจะบานและส่งกลิ่นหอมได้เต็มที่ อย่าใส่ดอกมะลิ แน่นเกินไป และควรปิดฝาให้สนิท เช้าของอีกวันให้ค่อย ๆ ช้อน เอาดอกมะลิออก จากนั้นกรองน้ำลอยดอกมะลิ ก่อนนำไปทำขนม
กลิ่นดอกกระดังงา
กลิ่นหอมของดอกกระดังงา เป็นกลิ่นที่นิยมใช้อบขนมแห้งชนิดต่าง ๆ หากเป็นประเภทน้ำก็นิยมอบน้ำข้าวแช่มากกว่าอาหารชนิดอื่นๆ โดยใช้วิธีคือ ให้เด็ดกลีบดอกกระดังงา แล้วนำมาลนเทียนอบให้หอม จากนั้นนำมาใส่ ขวดโหลแล้วปิดฝาให้สนิท
กลิ่นเทียนอบ
กลิ่นเทียนอบ เป็นที่นิยมกันมากสำหรับการทำขนม จนมาถึงในยุคปัจจุบันการอบเทียนก็ยังคงมีการใช้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีวิธีการคือ ให้จุดไฟที่ปลายของเทียนอบทั้งสองข้างทำให้ไฟลุกสักครู่ เมื่อไฟดับให้วางในถ้วยตะไลใส่ลงในขวดโหลแล้วปิดฝาให้สนิท ซึ่งการใช้เทียนอบในครั้งต่อไปจะต้องตัดไส้เทียนสีดำ ๆ ออกก่อน จึงจุดไฟใหม่ มิฉะนั้นจะมีแต่กลิ่นควัน
กลิ่นใบเตย
กลิ่นใบเตยให้ความหอมหวานๆ และยังให้สีและกลิ่นที่หอมเป็นเอกลักษณ์ การทำกลิ่นใบเตย คือการนำมาโขลกคั้น น้ำ กรอง ซึ่งจะให้สีและกลิ่นที่หอม หากจะใช้เฉพาะ กลิ่นก็นำใบเตยมาล้างให้สะอาดแล้วหั่นเป็นท่อนยาว จากนั้นใส่ลงในอาหารนั้นได้ทันที กลิ่นหอมของใบเตยก็จะออกมา