Blog
มนต์เสน่ห์ของกลิ่นที่มากกว่าความหอม

ในชีวิตประจำวันหลายๆ คนอาจจะคุ้นเคยกับการใช้ประสาทตาและหูเป็นประสาทสัมผัสหลักในการรับรู้ประสบการณ์ต่างๆ เพราะเป็นสิ่งที่จะสามารถรับรู้ได้ ไม่ว่าจะเป็นรูปร่าง ภาพหรือเสียง จนบางทีอาจทำให้ลืมความสำคัญของการรับกลิ่นไป แต่สิ่งที่อาจจะยังไม่รู้คือกลิ่นมีความสำคัญกับมนุษย์อย่างยิ่ง เพราะกลิ่นคือสิ่งที่สามารถสัมผัสและมีผลโดยตรงกับร่างกายและสภาพจิตใจของเรา
การเดินทางของกลิ่นนั้น ตั้งแต่อดีตมนุษย์แทบทุกเชื้อชาติเรียนรู้วิธีการใช้ประโยชน์จากกลิ่นและความหอม โดยจะมีจุดประสงค์ต่างกันและมีความเชื่อ วัฒนธรรมในแต่ละภูมิภาคที่ต่างกัน โดยมีการบันทึกว่าชาวอียิปต์โบราณเป็นชนชาติแรกที่นำเปลือกไม้ ยางไม้ และสมุนไพรมาทำการเผาให้เกิดควันเพื่อบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คล้ายๆกันกับในเอเชียที่มีความเชื่อในการนำกลิ่นหอมๆ มาใช้เพื่อการเคารพบูชาและรวมไปถึงนำมาใช้ในการรักษาผ้าให้มีความหอมมากขึ้นด้วย
การจุดธูปบูชา หรือการนิยมใช้ดอกมะลิที่มีกลิ่นหอมเย็นๆ มาทำการร้อยมาลัยไหว้พระหรือผู้หลักผู้ใหญ่ รวมถึงการจุดธูปหอม เทียนหอมเพื่อการผ่อนคลายและใช้ในการแพทย์นั้นกลายเป็นที่นิยมและปฏิบัติกันมาจนถึงทุกวันนี้ ส่วนทวีปยุโรปยังนิยมใช้น้ำหอมในการประพรมร่างกายหรือสิ่งของต่างๆ เพื่อให้เกิดกลิ่นหอมอย่างแพร่หลายมาตั้งแต่ยุคกลาง โดยมีต้นกำเนิดมาจากชาวเปอร์เซียที่มีภูมิปัญญาเรื่องเครื่องเทศและเครื่องหอมจากโลกตะวันออก ที่หลั่งไหลสู่ทวีปยุโรปจากสงครามและเส้นทางการค้า โดยมีฝรั่งเศสเป็นศูนย์กลางในการผลิตน้ำหอมตั้งแต่นั้นจนถึงปัจจุบัน
จากกลิ่นประทินโฉมสู่น้ำมันหอมระเหยเพื่อการบำบัด โดยปัจจุบันมีการแบ่งการศึกษาเรื่องกลิ่นหอมๆ ออกเป็นการศึกษาเรื่องการทำน้ำหอม โดยมุ่งเน้นไปที่การสร้างสรรค์น้ำหอมกลิ่นใหม่ๆ และการผสมน้ำหอม ซึ่งเป็นการใช้กลิ่นให้เกิดความหอมกับร่างกาย อีกทั้งยังมีการศึกษาเรื่องการบำบัดด้วยกลิ่น หรือ Aromatherapy ซึ่งเป็นการศึกษาการใช้กลิ่นจากน้ำมันหอมระเหยในเชิงบำบัดโดยดูว่ามีผลต่อร่างกายและจิตใจอย่างไร
โดยน้ำมันหอมที่ใช้ในสปาอย่าง Aromatherapy นั้นแตกต่างจากน้ำหอมที่ใช้ฉีด หรือปะพรมบนร่างกาย เพราะน้ำหอมไม่สามารถสกัดจากธรรมชาติได้ทั้งหมด แต่จะมีการสังเคราะห์ขึ้นมาเพื่อทดแทนกลิ่นที่หายากในธรรมชาติ อย่าง ไขปลาวาฬ หรือชะมด รวมทั้งกลิ่นที่สกัดตามธรรมชาติไม่ได้อย่างกลิ่นหนัง หรือดอกไม้ที่หายากฯลฯ แต่สำหรับน้ำมันหอมระเหยที่ใช้ในการบำบัดทางกลิ่นนั้นเป็นการสกัดจากธรรมชาติแท้ 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการนำสมุนไพร ดอกไม้ หรือพืชพันธุ์ที่มีกลิ่นหอมๆ อย่าง ดอกมะลิ ลาเวนเดอร์ ตะไคร้ หรือพืชตระกูลส้ม ฯลฯ มาสกัดจนได้เป็นน้ำมันหอมระเหยที่มีความเข้มข้นและสามารถนำมาใช้ได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการจุดด้วยเบิร์นเนอร์ การจุดเตาหอม หรือจะหยดในอ่างอาบน้ำ รวมทั้งใช้เป็นพวกดิฟฟิวเซอร์ตั้งไว้ในห้องก็จะช่วยสร้างความหอมและการผ่อนคลายไปได้พร้อมๆ กัน