การมีโอกาสได้สูดดมกลิ่นหอมๆ ของน้ำมันหอมระเหยจากดอกไม้ หรือต้นไม้ถือได้ว่าเป็นการบำบัดอย่างหนึ่ง ที่แหล่งสปามักนิยมนำมาใช้กัน เรียกว่าเป็นศาสตร์ของการบำบัดที่คุณเองก็สามารถทำได้ในบ้านของตัวเอง เพียงแค่เลือกกลิ่นให้ถูกกับวัตถุประสงค์การใช้งาน หากต้องการการผ่อนคลาย หรืออยากสดชื่น อยากมีแรงหรือมีพลังออกไปทำกิจกรรมต่างๆ ก็ต้องเลือกกลิ่นที่เป็นเฉพาะ เพราะน้ำมันหอมระเหยแต่ละกลิ่นก็จะช่วยบำบัดอารมณ์ความรู้สึกที่ออกมาไม่เหมือนกัน มาดูกันว่า น้ำมันหอมระเหยแต่ละกลิ่นช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง
กลิ่นที่ให้ความรู้สึกสดชื่น
กลิ่น peppermint หรือ สาระแหน่ ,ขิง ,โรสแมรี่ กุหลาบ เหมาะกับคนที่ต้องอยู่ในห้อง หรือทำงานที่ต้องทำอะไรซ้ำไปซ้ำมาแล้วน่าเบื่อ ซึ่งกลิ่นประเภทนี้จะให้ความรู้สึกสดชื่น และกระฉับกระเฉง มีเรี่ยวแรง
กลิ่นที่ช่วยให้สมองปลอดโปร่ง
กลิ่นเลมอน ยูคาลิปตัส ตะไคร้หอม กลิ่นแนวเย็นๆ ลองเอาไปวางไว้ในห้องทำงานหรือห้องที่เด็กๆ ทำการบ้าน อ่านหนัง สือ ซึ่งกลุ่มนี้จะช่วยกระตุ้นให้รู้สึกสดชื่น ปลอดโปร่ง โดยกลิ่นของน้ำมันหอมระเหยในกลุ่มนี้ จะช่วยทำให้สมองปลอดโปร่งและทำงานได้ดีขึ้น
กลิ่นที่ต้องการความกระฉับกระเฉง
กลิ่นกาแฟที่เหมาะสำหรับคอกาแฟ เพราะแค่ได้ยินชื่อหรือได้กลิ่นก็พลอยทำให้ตาสว่างกันแล้ว และยังช่วยให้รู้สึกแอคทีฟทำให้หายจากอาการง่วงเหงาหาวนอนได้อย่างไม่ต้องสงสัย เหมาะกับการเติมกลิ่นในห้องที่ต้องการความกระฉับกระเฉง อย่างในออฟฟิศ แต่ไม่แนะนำให้ใช้กับห้องนอน เพราะคุณอาจจะตาสว่างแทนที่จะหลับสบายได้
กลิ่นที่ให้ความรู้สึกสดชื่น ผ่อนคลาย
กลิ่นเปลือกส้ม กลิ่นสน มะกรูด กลุ่มนี้จะช่วยอาการกังวล ช่วยลดอาการตึงเครียด ลองเอาไปวางไว้ในห้องนั่งเล่น หรือ หากต้องขับรถไกลๆ แล้วต้องขับรถคนเดียว ลองหาน้ำมันหอมระเหยกลิ่นส้มใส่ไว้ในรถ จะทำให้รู้สึกสดชื่น ผ่อนคลายกับการขับรถได้
กลิ่นที่ช่วยสลายความตึงเครียด
กลิ่นจัสมิน หรือมะลิ ที่เป็นกลิ่นหอมอ่อนๆ จะช่วยให้คุณคลายจากความกังวล หรือความเครียด และช่วยให้สดชื่น ตื่นตัว
ส่วนกลิ่น ลาเวนเดอร์ วานิลา จะเป็นกลุ่มที่สลายความตึงเครียด ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย เหมาะกับห้องนอนหรือช่วงเวลาที่ต้องการพักผ่อน คนที่มีปัญหาเรื่องการนอนไม่ค่อยหลับ หรือหลับไม่ลึก กลิ่นของกลุ่มนี้จะสามารถช่วยได้มาก
ที่ต้องระวังคือการใช้น้ำมันหอมระเหยควรเลือกใช้ในปริมาณที่เหมาะสม ไม่ว่าจะใช้สูดดม ใช้เป็นสปาหรือเอามาทาถู นวดตัวตามตัว น้ำมันหอมระเหยบางตัว หากใช้เข้มข้นหรือมากเกินไปอาจจะทำให้ระคายเคืองได้
-
น้ำหอมกลิ่นกาแฟลาเต้ Latte Eau de Parfum ให้อรรถรสเหมือนกับกลิ่นกาแฟ แค่ชื่อก็บอกแล้วว่าจะหอมนุ่มหวานกลมกล่อมขนาดไหน ยิ่งใครที่ชอบดื่มกาแฟเป็นชีวิตจิตใจแบบขาดไม่ได้ การได้ใช้น้ำหอม กลิ่นกาแฟนม ลาเต้ ก็อาจเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของการใช้น้ำหอม ที่จะทำให้ตัวคุณมีความหอมกรุ่นไปด้วยกลิ่นกาแฟ ที่เดินผ่านใครต่อใคร อาจจะต้องกลื่นน้ำลาย แล้ววิ่งไปชงกาแฟพักเบรกกันบ้างล่ะ ซึ่งน้ำหอม กลิ่นกาแฟนม ลาเต้ ที่เป็นกลิ่นกาแฟผสมนม จะทำให้รู้สึกได้ถึงกลิ่นกาแฟที่เข้มข้น แต่ให้รสชาติของกลิ่นออกมาได้อย่างลงตัวเหมือนกับกลิ่นที่เป็นลูกอมกาแฟนั่นเอง
-
น้ำหอมกลิ่นมะลิ เป็นน้ำหอมที่สกัดขึ้นมาอย่างพิถีพิถันทุกขั้นตอน คัดดอกมะลิชั้นดีแบบดอกต่อดอก ที่หลายๆ คนมักจะนิยมนำมาร้อยเป็นพวงมาลัยถวายพระ ซึ่งจะทำให้ได้กลิ่นหอมตลบอบอวล คละคลุ้งไปทั่ว เป็นกลิ่นหอมแห่งความคลาสสิก หรูหราและมีระดับ กลิ่นที่จะทำให้ผู้ใช้นั้นหอมเบ่งบาน ฟุ้งตลบอบอวลไปด้วยความดูดี ความเรียบง่ายแบบไม่ฉุนจัด กลิ่นที่ให้เอกลักษณ์ความเป็นไทยที่โดดเด่น ไม่ซ้ำใคร น้ำหอมกลิ่นมะลิ กลิ่นโทนหอมแบบเย็นๆ ที่จะให้ความรู้สึกอยากใกล้ชิด และอบอุ่น บริสุทธิ์เหมือนดอกมะลิที่ขาวสะอาดน่าสัมผัส
-
น้ำหอม Tea Rose Eau de Parfum กลิ่นหอมโดดเด่นเน้นความเซ็กซี่แห่งมนต์เสน่ห์ ป็นน้ำหอมจาก IDOFRAGRANCE ซึ่งเป็นน้ำหอมผู้หญิงที่ให้กลิ่นหอมของมวลดอกไม้ โดยเปิดตัวครั้งแรกในปี 1977 เรียกได้ว่าเป็นน้ำหอมที่เก่าแก่ตัวหนึ่ง แต่ที่ทำให้รู้สึกหอมแบบโดดเด่นมากที่สุดคือกลิ่นดอกกุหลาบตามด้วยกลิ่นมะกรูด, ดอกซ่อนกลิ่น, ดอกลิลี่และไม้จันทน์หอม ซึ่งเมื่อรวมกันแล้ว จะทำให้น้ำหอม Tea Rose Eau de Parfums กลายเป็นกลิ่นที่หอมติดทนนานมาก 7-12 ชั่วโมงเลยทีเดียว