ถึงแม้ไม้ดอกหอมในบ้านเราจะมีหลากหลายชนิด แต่ตำนานความหอมที่โด่งดัง และเป็นที่นิยมที่ถูกกล่าวขานมาอย่างยาวนานตั้งแต่อดีต คงจะหนีไม่พ้นดอกทิวาและดอกราตรี ซึ่งหากจะพูดถึง“ต้นทิวา” มีถิ่นกำเนิดมาจากหมู่เกาะอินดีสตะวันตก ซึ่งอยู่ในทะเลแคริบเบียน ทางตอนใต้ของประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเป็นไม้ดอกหอมที่มีสกุลเดียวกับ “ดอกราตรี” ทำให้หลายๆ คนมักจะเข้าใจผิดหรือมักจะเรียกมันว่า “ดอกทิวาราตรี” ซึ่งถือเป็นความเข้าใจผิดอย่างมาก
ต้นทิวาเป็นไม้พุ่มที่มีความสูงประมาณ 2-5 เมตร ใบมีลักษณะรูปรีแกมใบหอกและมีขอบใบเป็นคลื่นๆ โดยจะออกดอกเป็นช่อมีสีขาวตามซอกใบที่บริเวณปลายกิ่ง มีดอกเล็กๆ โดยจะมีประมาณ 5-6 กลีบ ปลายกลีบม้วนส่งกลิ่นหอมๆ โดยเฉพาะช่วงเวลากลางวัน ที่เป็นฤดูของการออกดอก โดยดอกทิวาจะส่งกลิ่นหอมฟุ้งยิ่งหากเป็นช่วงที่มีแดดแรงๆ อย่างตอนกลางวันจะยิ่งส่งกลิ่นหอมแรงๆ ชวนให้หลงใหลยิ่งนัก ข้อดีของการปลูกต้นทิวาก็คือ ดอกจะออกตลอดปี เมื่อดอกเริ่มจะโรยรา จะค่อยๆ แห้งกลายเป็นเมล็ดสีดำ
Gunxa Eau de Parfum ความผ่อนคลายอันลุ่มลึก กลิ่นจากธรรมชาติ 100% เพื่อให้ได้เอกลักษณ์กลิ่นหอมอันพิเศษ พร้อมมอบความผ่อนคลายในบรรยากาศอันแสนสงบ หลังมรสุมได้ผ่านพ้นไป เพียงหลับตาสูดลมหายใจอย่างช้า ๆ รับกลิ่นอายของไอดินและใบหญ้า ทำให้พบกับความตราตรึงใจในความทรงจำที่ยากจะลืมเลือน ศิลปะแห่งการผสมผสานกลิ่นหอมๆ ของ Jo’Wood Sage Eau de Parfumซึ่งเป็นเอกลักษณ์สื่อถึงตัวตนของผู้ใช้ กลิ่นหอมที่ให้ความรู้สึกหลีกหนีไปจากความวุ่นวาย เพราะมีกลิ่นสไตล์ซิตรัสที่จะให้ความสดชื่น บวกกับกลิ่นอายของผืนป่าและท้องทะเล ทำให้ได้ลิ้มรสสัมผัสของกลิ่นหอมสะอาด สดชื่น และยังให้กลิ่นสัมผัส unisex ชัดเจน Jo’English Pear Eau de Parfum ให้กลิ่นธรรมชาติที่แสนอบอุ่น มีเสน่ห์ เย้ายวนใจ ราวกับกำลังเดินเข้าไปในป่า ช่วยเสริมเพิ่มความมั่นใจ ด้วยกลิ่นวู้ดดี้เข้มข้น แฝงความน่าดึงดูดและช่วยเสริมลุคหนุ่มๆ ให้ดูเป็นผู้ใหญ่ สุขุม อบอุ่น อ่อนโยน มีมาดแบบผู้ดี และยังเหมาะสำหรับผู้หญิงร่วมสมัยที่จะให้สัมผัสกลิ่นอายความหอม อ่อนหวานเย้ายวน และสนุกสนาน ช่วยปลุกเสน่ห์ของกลิ่นให้โลดแล่น
ต้นทิวาเป็นพรรณไม้ที่ชอบอยู่ท่ามกลางแสงแดดจัดๆ เรียกว่าบ้านไหนที่ปลูกต้นทิวา ก็จะได้สัมผัสกลิ่นหอมๆ ของดอกทิวาที่ผลิดอกตลอดปี โดยดอกจะบานพร้อมกันทั้งช่อและจะเบ่งบานนานอยู่ประมาณ 2-3 วัน ดอกทิวาเป็นดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมแรง หอมเย็นๆ ชื่นใจ โดยเฉพาะในตอนกลางวัน แม้จะมีรูปลักษณ์เหมือนกับดอกราตรี แต่จะให้ความหอมที่ต่างกัน เพราะดอกราตรีจะหอมเวลากลางคืน ส่วนดอกทิวาจะส่งกลิ่นหอมช่วงกลางวัน
โดยต้นทิวาจะให้ดอกที่ดกและมีความสวยแบบคลาสสิก จึงทำให้หลายคนนิยมนำมาปลูกตามแนวรั้วหน้าบ้าน เพื่อกระจายกลิ่นหอมๆ ให้ฟุ้งไปทั่วบริเวณทั้งในบ้านและนอกบ้าน ทำให้ผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาจะต้องหยุดสูดดมหรือสัมผัสกลิ่นหอมๆ แบบไม่รู้ตัว การที่ได้สัมผัสกลิ่นอายหอมๆ บริเวณบ้าน เวลาที่ออกมาเดินเล่นริมรั้ว หรือทำกิจกรรมต่างๆ จะทำให้อยู่ในบริเวณนั้นนานขึ้น เพราะรู้สึกถึงความสบายใจ และการผ่อนคลายสุดๆ
แม้กลิ่นของดอกทิวาจะหอมฟุ้ง หอมแรง หอมสดชื่นแค่ไหน แต่ก็ไม่มีใครอยากจะเด็ดดอกทิวาออกจากต้น หากแต่ยังคงปล่อยให้มันได้ส่งกลิ่นหอมๆ ไปตลอดวัน แม้แต่ดอกที่ร่วงหล่นบนพื้นก็ได้แต่ปล่อยให้มันส่งกลิ่นหอมๆ จนกว่าจะแห้งเหี่ยวจนเหลือแต่เมล็ดสีดำ และเตรียมสัมผัสกับกลิ่นหอมของดอกทิวาที่เตรียมจะผลิดอกและเบ่งบานในรอบต่อๆ ไป