มีหลายคนที่กำลังจะเปิดร้านกาแฟ และมักจะตั้งคำถามว่ากาแฟ อะไรอร่อยที่สุด ทำอย่างไรให้กาแฟอร่อย การชงกาแฟที่ดีทำอย่างไร แต่หนึ่งในคำถาม ที่หลายๆ คนมักจะนำมาพูดคุยและเล่าสู่กันฟัง คือ เรื่องของกลิ่นกาแฟที่อยู่ในร้านกาแฟเพราะส่วนใหญ่เมื่อเราเข้าไปในร้านกาแฟบางร้านมักจะพบว่าได้กลิ่นหอมกาแฟค่อนข้างน้อย หรือเรียกได้ว่าแทบจะไม่ได้กลิ่นหอมของกาแฟเลย องค์ประกอบที่จะทำให้เกิดกลิ่นหอมของร้านกาแฟมีหลายปัจจัยด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นลักษณะของร้าน ตำแหน่งการวางเครื่องชงกาแฟหรือเครื่องบดกาแฟ สายพันธุ์กาแฟที่ใช้ในร้าน และลักษณะการคั่วของกาแฟที่แต่ละร้านใช้ รวมถึงการต่อเนื่องของการชงกาแฟและการบดกาแฟ ที่สำคัญอายุของเมล็ดกาแฟหลังคั่วที่นำมาใช้ อีกด้วย
สำหรับคอกาแฟ เชื่อได้เลยว่าคงจะอดใจที่จะฟินกับกลิ่นหอมๆ ของกาแฟยามเช้า หรือยามบ่ายไม่ไหว เวลาที่เดินผ่านร้าน หรือ มุมกาแฟ จะต้องทำจมูกฟุดฟิดแบบจะลอยตามกลิ่นซะให้ได้ประมาณนั้นเลย ซึ่งความหอมของกลิ่นกาแฟนี่แหละ ที่ทำให้หลาย ๆ คนอดใจไม่ไหว ที่จะต้องแวะดม แวะชิม แวะลิ้มลองรสชาติของกาแฟนั้นให้ได้ ว่ากันว่าหากกาแฟเจ้าไหนที่มีกลิ่นหอมลอยมาเตะจมูก แสดงว่ากาแฟจะต้องอร่อยมาก เพราะเหตุนี้จึงส่งผลทำให้ร้านกาแฟต่างๆ จึงได้หาสูตร หรือวิธีทำให้ร้านของตัวเอง มีกลิ่นกาแฟลอยมาเตะจมูกลูกค้าให้ได้นั่นเอง การจัดลำดับความหอมของกลิ่นกาแฟที่จะกล่าวถึงนั้น กาแฟที่มีกลิ่นหอมอันดับแรกคือตอนคั่ว ต่อมาคือช่วงที่บดกาแฟ และอันดับที่ 3 การชงกาแฟ ซึ่งรายละเอียดของระดับการคั่วกาแฟมีผลต่อกลิ่นของกาแฟอย่างไรมาดูกัน
กาแฟคั่วระดับอ่อน (light roast)
กาแฟคั่วระดับอ่อน ซึ่งการคั่วกาแฟแบบนี้ จะทำให้ได้รสชาติของความเป็นกาแฟที่ดี อาจมีรสชาติของความเปรี้ยวที่เป็นกรดผลไม้ ซึ่งมีอยู่ในกาแฟด้วย
กาแฟคั่วระดับปานกลาง (medium roast)
กาแฟคั่วระดับปานกลาง เป็นการคั่วกาแฟที่จะเพิ่มสีและความเข้มเพิ่มขึ้น กาแฟระดับนี้ สามารถนำมาชงกาแฟร้อนได้อร่อยหอมกรุ่นมาก
การคั่วระดับเข้ม (dark roast)
การคั่วระดับเข้ม ซึ่งเมล็ดกาแฟที่คั่วระดับนี้จะมีสีเข้มมาก โดยการคั่วแบบนี้จะให้รสเข้มข้น และเมื่อชงด้วยเครื่องชงแบบมีแรงดันจะทำให้ได้กาแฟเข้มข้นที่เรียกว่า เอสเพรสโซ่
ดังนั้นระดับการคั่วกาแฟจึงเป็นสิ่งแรกที่จำเป็นซึ่งทางร้านจะต้องคำนึงถึงและสามารถเลือกได้เอง ซึ่งวิธีที่จะทำให้ภายในร้านหอมกลิ่นกาแฟตลอดเวลานั้นยังมีองค์ประกอบอีกหลายอย่าง ซึ่งหากภายในร้านอยู่ในสภาพอากาศปิด หรือในระบบห้องที่ติดแอร์ จะทำให้กลิ่นหอมของกาแฟมีความอบอวลภายในห้องได้นานมากยิ่งขึ้น และการบดกาแฟอย่างต่อเนื่อง หรือบดกาแฟแก้วต่อแก้ว ซึ่งในช่วงที่บดกลิ่นกาแฟจะฟุ้งไปทั่วร้าน หรือในช่วงที่ไม่มีคนเข้าร้าน ทางร้านกาแฟก็จะนำกาแฟบดออกจากเครื่องบด แล้วเทกลับไปมาให้สัมผัสกับอากาศ ซึ่งจะเป็นการกระจายกลิ่นให้ทั่วร้านอีกครั้ง รวมถึงการตั้งตัวบดใต้แอร์เพื่อให้ลมที่ออกจากแอร์ ปะทะกับกลิ่นจากเครื่องบด ซึ่งจะทำให้กลิ่นของกาแฟกระจายไปทั่วร้านได้เช่นกัน
-
น้ำหอมกลิ่นวนิลา Vanilla Eau de Parfum เสน่ห์ความหอมที่นุ่มลึกของสาววัยแรกแย้ม จะให้ความหอมตั้งแต่เปิดกลิ่นแรกให้ความรู้สึกหอมตั้งแต่ครั้งแรก เป็นกลิ่นที่หอมหวานเย็นๆนุ่มลึก แต่จะไม่เหมือนน้ำหอมตัวอื่นๆที่กลิ่นมีหลายคนที่ถูกใจตั้งแต่ครั้งแรกที่ไปลองดมๆกลิ่น และยังเป็นกลิ่นที่หอมติดทนนานพอประมาณ ยิ่งหากฉีดตอนที่อากาศร้อนมากๆแล้วร่างกายเริ่มอุณหภูมิสูงขึ้น ความร้อนในร่างกายจะทำปฏิกิริยากับน้ำหอมกลิ่น วนิลา ซึ่งจะทำให้กลิ่นมันหอมครุกรุ่นมากขึ้น ทำให้ยิ่งได้กลิ่นหอมคล้ายกับว่าขนมปังหรือมัฟฟิ่นที่พึ่งอบเสร็จใหม่ๆ เลยทีเดียว
-
น้ำหอมกลิ่นช็อกโกแลต จะมีใครคิดว่าขนมหวานที่มีรสชาติขม หวาน จะสามารถสร้างความหอมจนน่าหลงไหลในกลิ่นที่หอมสดชื่น ด้วยความหอมจากช็อกโกลแลตจะทำให้สมองผ่อนคลาย ปลอดโปร่งปลอดโปร่งคล้ายได้นอนหลับพักบนที่นอนอันแสนนุ่มในยามค่ำคืน
-
น้ำหอมกลิ่นกาแฟลาเต้ Latte Eau de Parfum ให้อรรถรสเหมือนกับกลิ่นกาแฟ แค่ชื่อก็บอกแล้วว่าจะหอมนุ่มหวานกลมกล่อมขนาดไหน ยิ่งใครที่ชอบดื่มกาแฟเป็นชีวิตจิตใจแบบขาดไม่ได้ การได้ใช้น้ำหอม กลิ่นกาแฟนม ลาเต้ ก็อาจเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของการใช้น้ำหอม ที่จะทำให้ตัวคุณมีความหอมกรุ่นไปด้วยกลิ่นกาแฟ ที่เดินผ่านใครต่อใคร อาจจะต้องกลื่นน้ำลาย แล้ววิ่งไปชงกาแฟพักเบรกกันบ้างล่ะ ซึ่งน้ำหอม กลิ่นกาแฟนม ลาเต้ ที่เป็นกลิ่นกาแฟผสมนม จะทำให้รู้สึกได้ถึงกลิ่นกาแฟที่เข้มข้น แต่ให้รสชาติของกลิ่นออกมาได้อย่างลงตัวเหมือนกับกลิ่นที่เป็นลูกอมกาแฟนั่นเอง