เพราะกลิ่นนั้นมีทั้งคุณประโยชน์มากมายหากคุณแม่ใช้ให้ถูกต้องก็ส่งผลดีต่อทารกได้ ซึ่งในขณะที่กำลังตั้งครรภ์การเลือก สรรกลิ่นมาปรับอากาศนั้นก็ต้องดูกันอย่างพิถีพิถันหน่อย เชื่อว่าหลายครั้งเวลาที่คุณแม่กำลังเครียด หรืออยู่ในบรรยากาศ ที่ร้อนอบอ้าว เมื่อคุณแม่ได้รับกลิ่นนั้นก็อาจส่งผลกระทบให้เกิดอาการแพ้หนักขึ้น เวลาที่ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จะทำให้หัวใจสดชื่น เบิกบาน เพราะกลิ่นนั้นสามารถบำบัดความเครียดและช่วยให้กระปรี้กระเปร่าสดชื่นขึ้นได้ สมองที่รับกลิ่นจะเกิดการผ่อนคลาย เพราะนอกเหนือจากการเปิดประตูหน้าต่างเพื่อให้อากาศถ่ายเท แล้ว ลองฉีดสเปรย์กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ชื่นชอบเพื่อปรับอากาศภายในบ้าน ก็อาจทำให้คุณแม่มีอาการผ่อนคลายมากขึ้น กลิ่นหอมๆ จะมีส่วนช่วยลดอาการแพ้ท้องได้จริงหรือ…?? มาดูกัน
เลือกกลิ่นหอมอ่อนที่ชอบเพื่อบำบัดอาการคลื่นไส้
ไม่ว่าจะกลิ่นใดก็ตามก็ไม่อาจเทียบคุณประโยชน์จากการที่เราได้สูดกลิ่นจากธรรมชาติที่แสนบริสุทธิ์ การสร้างบรรยากาศดีๆ ให้เกิดขึ้นรอบตัวเป็นสิ่งที่มีผลต่อสภาวะจิตใจคุณแม่ การเปิดรับอากาศดีจากธรรมชาติให้เข้ามาถ่ายเทภายในห้องก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุด หากไม่สะดวกที่จะเปิดรับอากาศนอกบ้านให้เข้ามา ก็เหมือนคนที่ต้องเก็บตัวอยู่ในกะลาปิดกั้นตัวเองจากโลกภายนอก แต่บางคนไม่ชอบเพราะช่วงเวลาที่แพ้ท้องหากได้กลิ่นแปลกๆ ข้างนอกที่พัดผ่านเข้ามาก็มักกระตุ้นให้เกิดอาการคลื่นไส้ และจบลงด้วยการอาเจียน โดยเฉพาะหากบ้านข้างๆ ทำอาหาร กลิ่นอาหารจากในครัวก็อาจลอยเข้ามากระทบประสาทสัมผัสของการรับกลิ่นทันที ควรหาทางออกด้วยการสร้างกลิ่นใหม่ๆ เพื่อปรับบรรยากาศในห้องให้เต็มไปด้วยกลิ่นหอมๆ กันดีกว่า วิธีการนั้นก็ง่ายมาก หากลิ่นที่คุณแม่ชื่นชอบอาจจะเป็นกลิ่นลาเวนเดอร์ กลิ่นเปปเปอร์มินต์ หรือเลมอนซึ่งจะสามารถช่วยลดอาการคลื่นไส้ให้ดีขึ้น สามารถเลือกกลิ่นหอมๆ ได้จากเทียนหอม น้ำมันหอมระเหย ธูปหอม ลองเลือกซื้อมาติดบ้านไว้สร้างบรรยากาศผ่อนคลาย เพื่อช่วยปรับกลิ่นในบ้านและช่วยลดอาการคลื่นไส้
กลิ่นที่ควรหลีกเลี่ยงหากเกิดอาการแพ้หนัก
กลิ่นอาหารที่มาจากในครัว ก่อนหน้านี้คุณแม่อาจรับกลิ่นได้หมด ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นอาหารสดจากในตู้เย็น กลิ่นน้ำมัน กลิ่นผัก กลิ่นเครื่องเทศ เครื่องปรุงต่างๆ แต่พอหลังจากตั้งครรภ์แล้วฮอร์โมนที่เปลี่ยนไป ส่งผลทำให้ร่างกายไม่อาจปรับตัวได้อย่างสมดุลเหมือนปกติ ทำให้จมูกไวต่อการรับกลิ่นเป็นพิเศษ ซึ่งกลิ่นที่ทำให้หัวอกคุณแม่มือใหม่ทรมานมากก็คือ กลิ่นอาหารที่มาจากในครัว กลิ่นอาหารบางชนิดอย่างหัวหอม กระเทียม เป็นอีกกลิ่นหนึ่งที่คุณแม่บางคนอาจแพ้ไปจนกระทั่งคลอด ควรหลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้บริเวณห้องครัวไปก่อน เพื่อลดอาการแพ้กลิ่นก่อนที่จะอาเจียน
การสูดลมหายใจเพื่อรับอากาศจะทำให้ได้ประโยชน์อย่างแท้จริง และควรเป็นกลิ่นที่มาจากธรรมชาติเพราะเป็นกลิ่นที่ให้ออกซิเจนบริสุทธิ์และมีผลต่อภาวการณ์เจริญโตของทารกในครรภ์ บวกกับช่วยให้สุขภาพของคุณแม่ให้มีประสิทธิภาพที่ดีที่สุด แต่ถ้าหากคุณแม่ต้องปรับกลิ่นในบ้านจากกลิ่นแปลกปลอม ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ ก็ลองหากลิ่นหอมอ่อนๆ โดยเลือกนำมาใช้ให้ถูกกับตัวเอง จะทำให้คุณแม่ที่เต็มไปด้วยอาการแพ้กลิ่นเหม็นต่างๆ ได้ทุเลาขึ้นบ้าง